ผงจุลินทรีย์ชีวภาพ : ชนิดปรับสภาพดิน กำจัดเชื้อโรคในดิน

ชื่อสินค้า : ผงจุลินทรีย์ชีวภาพ : ชนิดปรับสภาพดิน กำจัดเชื้อโรคในดิน
ขนาด : 12*18*1
น้ำหนัก : 100กรัม
รูปแบบ : น้ำตาลอ่อน
หมัก
ธรรมชาติ

Message Body:
ชื่อสินค้า : ผงจุลินทรีย์ ชนิดปรับสภาพดิน และ กำจัดเชื้อโรคในดิน
ผงจุลินทรีย์ ชนิดปรับสภาพดิน และ กำจัดเชื้อโรคในดิน

จุลินทรีย์ที่บรรจุอยู่ในซองฟอยล์นี้จะอยู่ในสภาพแห้ง แบบพักตัว หรือจำศีล (Dormancy) เมื่อถูกความชื้นหรือละลายน้ำ  จุลินทรีย์ชีวภาพ จะเริ่มเจริญเติบโต  และแบ่งเซลอย่างรวดเร็ว  ผลิตจุลินทรีย์จำนวนมาก  น้ำย่อยที่มีอยู่ในจุลินทรีย์ชีวภาพ จะย่อยของเสียอินทรีย์สาร  ได้ผลผลิตที่มีขนาดเล็กลง  ซึ่งจะเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ที่กำลังเจริญเติบโต  เมื่อจุลินทรีย์เริ่มแข็งแรงมันจะสามารถผลิตน้ำย่อยได้เอง  เพื่อย่อยสลายของเสียในธรรมชาติ กำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ กำจัดเชื้อโรคที่เป็นอันตรายบางชนิด และช่วยบำบัดสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
ผงจุลินทรีย์ชีวภาพ เป็นจุลินทรีย์ต้นแบบที่ผลิตขึ้นมาอยู่ในรูปของผง ที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์สายพันธุ์บริสุทธิ์ 5 ชนิด ที่ประกอบไปด้วย Lactic Acid Bacteria (LAB) 2 ชนิด Bacillus Bacteria 1 ชนิด และ ยีสต์ 2 ชนิด

ด้านการเกษตร : ใช้ปรับสภาพดิน และ กำจัดเชื้อโรคในดิน
จะช่วยลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต/ ใช้เตรียมดินเพื่อย่อยสลายสารพิษต่างๆก่อนปลูกพืช ใช้เป็นพื้นฐานเพื่อเตรียมทำความสะอาดดินในการเพาะปลูก เพื่อกำจัดเชื้อโรคในดินและ ช่วยทำความสะอาดกำจัดเชื้อโรคในแหล่งน้ำที่จะใช้ในการเกษตร
(เอนกประสงค์ในด้านอื่น) ผงจุลินทรีย์นี้ มีการเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์มากสุด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยังช่วยเรื่องบำบัดน้ำเสียจากเทศบาลหรือโรงงานอุตสาหกรรม/ กำจัดกากตะกอนในน้ำ /กำจัดเชื้อโรคและกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว (ถ้าไม่มีของเสียมาเพิ่มกลิ่นที่หายเหม็นจะคงอยู่ตลอดไป)  ทั้ง ก๊าซพิษก๊าซไข่เน่า ก๊าซมีเทน ก๊าซแอมโมเนียและไนเตรต /เพิ่มอ็อกซิเจนในน้ำ/ ปลอดสารพิษ /ช่วยย่อยสลายไขมันได้ดี/ลดการอุดตันของท่อได้ดี/ ลดกลิ่นดึงดูดแมลง/

การใช้ผงจุลินทรีย์ชีวภาพเพื่อการเกษตร

-ช่วยฟื้นฟูสภาพทรุดโทรมของต้นกล้าพืช และกำจัดเชื้อโรคในดิน โดยวิธีการใช้จุลินทรีย์อัตรา 100 กรัม ต่อน้ำ 200 ลิตร หรือ 10กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร (ควรแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน) แล้วราดรดหรือฉีดพ่นให้ทั่ว และควรรักษาความชื้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราในดินที่ก่อให้เกิดโรคพืช กระตุ้นการแตกรากอ่อน เร่งการเจริญเติบโต และเพิ่มความต้านทานโรค ควรใช้เป็นประจำทุกเดือน
(ในกรณีที่เตรียมดินเพื่อทำการเพาะปลูก ในพื้นที่ 1 ไร่ ให้ใช้ ผงจุลินทรีย์อัตรา 1,000 กรัม( 1กก.) แต่หากในกรณีที่ดินประสบปัญหาพืชได้รับความเสียหายมีเชื้อโรคราทำลายพืชมาก่อนหน้าและไม่ต้องการย้ายแปลงหนี แนะนำให้ใช้ปริมาณผงจุลินทรีย์เพิ่มเป็น 2,000 กรัม(2กก.) ต่อ 1 ไร่ โดยทั้ง 2 กรณี เมื่อเริ่มต้นไถพลิกพรวนแปลงดินนั้น ควรเตรียมอาหารอินทรีย์สารวัตถุให้พืชตั้งแต่เริ่มต้น โดยให้ใช้ปุ๋ยคอก 2-3ตัน/1ไร่ มาโรยให้ทั่วแปลงดิน พร้อมทั้งนำน้ำที่ได้แช่ผงจุลินทรีย์มาแล้ว1คืน(ตามอัตราที่แจ้งไว้) มาฉีดร่วมไปกับการไถพลิกพรวนดิน หลังผ่านระยะเวลา 3 วัน จะพบว่าแปลงดินสะอาด ไม่ส่งกลิ่นเหม็น เป็นแปลงดินที่มีความอุดมสมบูรณ์พร้อมต่อการเพาะปลูกโดยไม่ต้องย้ายแปลงหนีหรือปลูกที่แปลงอื่น เพราะดินมีการปรับสภาพให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรค เป็นดินดีมีสารอาหารจากการย่อยอินทรีย์สารวัตถุจากปุ๋ยคอกมากมาย และ จุลินทรีย์จะลดความเป็นพิษของดินลง ดินจะมีค่า pH ที่เหมาะสม ทั้งนี้จุลินทรีย์นี้ก็ยังอยู่ในดินตลอดรอบระยะเวลาการเพาะปลูก(เกษตรกรอาจเพิ่มเติมจุลินทรีย์อีกครั้งในระยะ1เดือนหรือ3เดือน/ครั้ง ตามสะดวก) ซึ่งโดยหลักการนี้ จะช่วยให้การเกษตรประสบผลสำเร็จ ไม่มีปัญหาโรคราโรคแบคทีเรียมาทำลายรากพืชที่มักจะเหี่ยวยุบเน่าตายคอดิน อันเนื่องมาจากการใช้ดินที่ไม่ได้รับการปรับสภาพดิน หรือไม่ได้กำจัดเชื้อโรคในดินมาก่อน
-ในสวนยกร่อง
1. สัปดาห์แรก ผสมจุลินทรีย์ ในอัตรา 1,000 กรัม(1กก.) ต่อ 1 ไร่ โดยหมักกับน้ำ 1,000 ลิตรแล้วแช่ทิ้งไว้ 1 คืน วันถัดมาให้นำไปฉีดราดทั่วต้นให้ทั้งแปลง จากนั้นรดน้ำทั่วทรงพุ่มทุกวัน เพื่อกำจัดเชื้อโรคในน้ำและดินที่มีอยู่ก่อน
2. หลังจากสัปดาห์ที่สองเป็นต้นไป ลดอัตราการใช้เหลือ 500 กรัม ต่อไร่ โดยหมักเช่นเดียวกัน แล้วนำมาฉีดที่ต้นพืชทุกๆ 15 วัน เพื่อป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อใหม่ และกระตุ้นการแตกรากอ่อน(สามารถนำฝาเขียวมาผสมในอัตรา 30ซีซี.ต่อน้ำหมักจุลินทรีย์มาแล้ว 20ลิตร นำมาฉีดพ่น หรือ นำปล่อยไหลไปพร้อมกันตามสายน้ำหยด)
-ในสวนที่เป็นที่ดอน
การรักษาเบื้องต้นเพื่อไม่ให้อาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคลุกลามต่อไป ในกรณีที่ไม้ผลหรือไม้ยืนต้นที่เป็นโรคโคนเน่า ใช้10กรัมแช่1คืนกับน้ำ20ลิตร วันถัดไปนำมาราดที่โคนและรัศมีรากใต้ทรงพุ่ม(ต้นเล็ก,กลาง,ใหญ่ ราด 5-10-20ลิตร ก่อนราด ดินควรต้องชุ่มชื้น ถ้าไม่ชื้นใช้น้ำราดก่อน) กรณีลำต้นพืชเป็นโรคไฟทอปธอร่าเปลือกแตกยางไหล ให้ขูดทำความสะอาดแผลแล้วนำผงจุลินทรีย์มาผสมกับน้ำเล็กน้อยมาพอกทับที่แผล ภายใน 2–3 วัน แผลจะแห้ง และควรทำซ้ำจนกว่าไม่พบอาการของโรคและแน่ใจว่าต้นพืชได้หายจากโรคดังกล่าวแล้ว (ในกรณีที่ต้องการแก้ไขปัญหาโรคพืชที่เกิดกำลังระบาดเกิดขึ้นตามลำต้นและมีอาการเปลือกแตกยางไหล ซึ่งมักจะมาจากเชื้อราไฟทอปธอร่า สามารถนำน้ำชีวภาพฝาสีน้ำเงินมาช่วยกำจัดเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็วโดยขูดเปลือกไม้ที่มีเชื้อโรคออกไปเผาไฟทิ้งนอกสวน และใช้แปรงทาสีจุ่มน้ำสารชีวภาพสกัดดังกล่าวทำการป้ายๆทาๆที่บริเวณแผลเน่า จะพบว่าเชื้อโรคถูกกำจัดไปได้อย่างรวดเร็ว)
-การดูแลและป้องกัน
1.หว่านผงจุลินทรีย์บริเวณรอบทรงพุ่มให้ทั่วในอัตรา 5 กรัม ต่อตารางเมตรแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ควรใส่ซ้ำทุกๆ 3 เดือน
2.ในกรณีที่มีแหล่งน้ำในสวน แนะนำให้ใส่จุลินทรีย์ในอัตรา 1,000 กรัม(1กก.) ต่อ 1 ไร่ทุกๆความลึก 1 เมตรในครั้งแรก จากนั้นลดอัตราลงเหลือ 500 กรัม เพื่อให้ได้ผลดีควรใช้อย่างสม่ำเสมอทุกๆ 15 วัน หรือเลือกใช้วิธีอัตราผสมใช้ผงจุลินทรีย์ 1,000 กรัม(1กก.) ต่อน้ำ 1,000ลิตร ฉีดคลุมพืชที่ได้ 1 ไร่ หรือฉีดผสมในร่องน้ำและนำน้ำฉีดลงที่ในแปลงดิน และในกรณีที่มีร่องน้ำในสวน แนะนำให้นำจุลินทรีย์ใส่ถุงผ้าบางแล้วแขวนไว้หน้าเครื่องสูบน้ำที่พ่นเข้ามาในแหล่งน้ำในสวนพืช (ทุกครั้งที่สูบน้ำนอกสวนเข้ามา ใช้ 100-500 กรัมใส่ถุงผ้าแขวนไว้ หากหมดก็เติมใหม่)  *โดยวิธีปฎิบัติให้นำจุลินทรีย์ใส่ถุงผ้าดิบที่ไม่หนาจนเกินไป (ลักษณะเหมือนถุงที่ใช้คั้นมะพร้าว) ใส่จุลินทรีย์ประมาณ 1 ใน 4 ของถุง แล้วนำแช่ในน้ำผูกไว้ที่ข้างนอกท่อปั้มน้ำพญานาค สัก 2-3 ถุง ก็จะช่วยกำจัดเชื้อโรคและปรับสภาพน้ำไปในตัว และเมื่อจะมีการนำน้ำพ่นเข้ามาในร่องน้ำ ก็ให้เอาถุงจุลินทรีย์มาแขวนไว้ปากท่อพ่นน้ำ น้ำจะพัดพาเอาจุลินทรีย์ไหลเข้ามาพร้อมกับน้ำ แต่ในกรณีเร่งด่วน ก็ให้นำจุลินทรีย์มาใส่ในร่องน้ำไว้ก่อนเลย ผลที่จะได้คือน้ำที่จะใช้รดพืชจะสะอาด ต้นพืชแปลงพืชได้น้ำดีมีคุณภาพปราศจากเชื้อโรค จึงส่งผลให้พืชมีการเจริญเติบโตดี เกษตรลดความเสี่ยงความเสี่ยหายจากการขาดทุน ได้ผลลัพท์ที่แตกต่างจากการทำการเกษตรแบบเดิม เนื่องจากได้รับผลผลิตอย่างเต็มที่ มีกำไรคงเหลือที่เพิ่มขึ้น ตลอดทั้งเป็นการลดการพึ่งพาสารเคมี ทำให้เกษตรกรมีสุขภาพดี เมื่อหันมาใช้นวัตกรรมชีวภาพรวมทั้งผงจุลินทรีย์ชีวภาพปลอดภัย
ข้อแนะนำในการใช้ผงจุลินทรีย์ในการเพาะปลูก
• ควรรักษาความชื้นของดินให้พอเหมาะ เพื่อช่วยให้เชื้อจุลินทรีย์เจริญได้ดีขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• เพื่อประโยชน์สูงสุดในการกำจัดโรคพืชที่เข้าทำลายทางใบและลำต้น อีกทั้งช่วยกำจัดไข่แมลงไม่ให้ฝัก ออกมาเป็นตัวหนอน ควรรดหรือฉีดจุลินทรีย์ที่ผ่านการหมักกับน้ำมาอย่างน้อย 1- 2 วัน ให้ทั่วทรงพุ่มทุกๆ 2–3 วัน
• จุลินทรีย์นี้ จะชอบดินที่เปียกและสามารถเจริญในน้ำได้ดี สามารถฆ่าเชื้อไฟทอปธอร่า พวกพิเธี่ยม สเคอร์ลาเธี่ยม รวมทั้งฟิวซาเรียม ซึ่งเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับพืชทุกชนิด        (ราไฟทอปธอร่ายังเป็นในหน้าร้อน แต่ฟิวซาเรียม เป็นได้ทั้งหน้าร้อน หน้าหนาว) โดยพืชที่มีโรคระบาดนี้จะมีอาการแห้งตายทั้งต้น โดยให้สังเกตพืชที่เป็นโรคแบคทีเรีย จะมีอาการใบสีเขียวเหี่ยว เพราะเชื้อจะปิดท่อลำเลียงน้ำ แต่หากเป็นฟิวซาเรียม เชื้อโรคจะปิดทั้งท่อน้ำ ท่ออาหาร ทำให้พืชดูดน้ำ ดูดอาหารไม่ขึ้น ใบจะเหลือง แห้งตายลงมาจากยอด โรคระบาดฟิวซาเรียม นี้หากเกิดกับพืชจำพวกแตง มะเขือ พริก ขิง เกษตรกรก็มักจะปลูกแล้วปล่อยทิ้งที่เดิม ไม่กล้าปลูกอีกต่อไป  การแก้ปัญหาให้ใช้จุลินทรีย์ทำการกำจัดเชื้อในดินให้หมดไปก่อนจึงจะสามารถเพาะปลูกในที่ดินแปลงเดิมได้โดยใช้อัตราส่วนจุลินทรีย์ 100 กรัม ต่อน้ำ 200ลิตร แช่ไว้ 1คืน รุ่งเช้านำราดรดในดินที่มีปัญหาซึ่งเป็นวิธีที่เกษตรกรสามารถทำได้เองโดยง่าย
• ผงจุลินทรีย์ไม่ควรใช้ร่วมกับสารเคมี ในการกำจัดศัตรูพืช
• ผงจุลินทรีย์ไม่ควรโดนน้ำ และ ควรเก็บไว้ในที่ร่มและแห้ง

หมายเหตุ.
-จุลินทรีย์ชีวภาพนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เกษตรกรสามารถติดต่อสอบถามกับผู้เชื่ยวชาญของบริษัทได้ตลอดเวลาทำการ