ผงจุลินทรีย์ชีวภาพชนิดปรับสภาพน้ำ และ กำจัดเชื้อโรคในน้ำ ลดตะกอนเลน กำจัดกลิ่นเหม็น บ่อน้ำ บ่อกุ้งบ่อปลา

ชื่อสินค้า : ผงจุลินทรีย์ชีวภาพชนิดปรับสภาพน้ำ และ กำจัดเชื้อโรคในน้ำ ลดตะกอนเลน กำจัดกลิ่นเหม็น บ่อน้ำ บ่อกุ้งบ่อปลา
ขนาด : 9*13*1
น้ำหนัก : 100กรัม
รูปแบบ : น้ำตาลอ่อน
กลิ่นหมัก

Message Body:
จุลินทรีย์ ที่บรรจุอยู่ในซองฟอยล์นี้จะอยู่ในสภาพแห้ง แบบพักตัว หรือจำศีล (Dormancy) เมื่อถูกความชื้นหรือละลายน้ำ  จุลินทรีย์ชีวภาพ จะเริ่มเจริญเติบโต  และแบ่งเซลอย่างรวดเร็ว  ผลิตจุลินทรีย์จำนวนมาก  น้ำย่อยที่มีอยู่ในจุลินทรีย์ชีวภาพ จะย่อยของเสียอินทรีย์สาร  ได้ผลผลิตที่มีขนาดเล็กลง  ซึ่งจะเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ที่กำลังเจริญเติบโต  เมื่อจุลินทรีย์เริ่มแข็งแรงมันจะสามารถผลิตน้ำย่อยได้เอง  เพื่อย่อยสลายของเสียในธรรมชาติ กำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ กำจัดเชื้อโรคที่เป็นอันตรายบางชนิด และช่วยบำบัดสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
ผงจุลินทรีย์ชีวภาพ เป็นจุลินทรีย์ต้นแบบที่ผลิตขึ้นมาอยู่ในรูปของผง ที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์สายพันธุ์บริสุทธิ์ 5 ชนิด ที่ประกอบไปด้วย Lactic Acid Bacteria (LAB) 2 ชนิด Bacillus Bacteria 1 ชนิด และ ยีสต์ 2 ชนิด

คุณสมบัติผงจุลินทรีย์ ชนิดปรับภาพน้ำ กำจัดเชื้อโรคในน้ำ :
-ช่วยเร่งการย่อยสลายของเสีย ทำให้น้ำสะอาดขึ้น ช่วยควบคุมคุณภาพน้ำให้สมดุล กำจัดกลิ่นเหม็นเน่าที่เกิดจากการย่อยสลายของอินทรียวัตถุต่างๆ กำจัดโคลนเลนในบ่อเลี้ยงกุ้ง ปลา และสัตว์น้ำ และลดก๊าซพิษได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะก๊าซแอมโมเนีย,ไนไตรท์ และไฮโดรเจนซัลไฟท์ ก๊าซไข่เน่า,กลิ่นเหม็นหืน โดยการย่อยสลายจนกลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ,น้ำและก๊าซไนโตรเจน
-กำจัดหรือควบคุมการเติบโตของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน แพลงตอนพิษ เช่น ไมโครซิสทิส ออสซิลลาทอเรียน็อตติลูก้า ฯลฯ
-ป้องกันและกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคเรืองแสง(เชื้อวิบริโอ), โรคติดเชื้อในลำไส้ในตับ โรคขี้ขาว  (เชื้อซูโดโมแนส)
-ลดปัญหารุนแรงของโรคที่เกิดจากไวรัส โรคตัวแดงดวงขาว และโรคหัวเหลือง บ่อเลี้ยงปลา, กบ, ตะพาบน้ำ ช่วยรักษาแผล, ตัวเปื่อย และกกหูบวม อีกทั้งลดกลิ่นสาปโคลนในตัวสัตว์ เพราะสามารถกำจัดกลิ่นในขี้เลนได้
-ช่วยปรับสีน้ำให้นิ่งสวย และควบคุมการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำในรอบวัน
-ใช้ง่ายและสะดวก ใช้ได้ดีทั้งในน้ำจืด และน้ำเค็ม

การใช้ผงจุลินทรีย์สำหรับการเลี้ยงกุ้งพื้นที่บ่อขนาด 1 ไร่ ให้ได้รับความสำเร็จ
ปัญหาเชื้อโรคในบ่อกุ้งคือปัญหาที่สร้างผลกระทบต่ออาชีพการเลี้ยงกุ้งมาโดยตลอดซึ่งมักจะเป็นกับบ่อเก่าโดยจะเป็นบ่อที่เกษตรกรเพิ่งจับกุ้งไปขายหรือเป็นบ่อที่เกษตรกรปล่อยทิ้งไปเนื่องจากรอบการเลี้ยงกุ้งที่ผ่านมาเกิดการระบาดของเชื้อไวรัส โรคขี้ขาว หรือตายเดือน จึงขอแนะนำให้เกษตรกรต้องใช้ผงจุลินทรีย์เพื่อกำจัดเชื้อโรคในบ่อให้หมดสิ้นไปก่อนที่จะปล่อยลูกกุ้งและควบคุมคุณภาพบ่อกุ้งให้ดีจนถึงวันจับขาย
การเตรียมบ่อเพื่อเลี้ยงกุ้ง เริ่มต้นโดยไขน้ำเข้าบ่อกุ้งสูงประมาณสัก30ซม.โดยขอบอาจสูงเหลือ10ซม.หรือน้ำแฉะๆ ใช้ผงจุลินทรีย์ชนิดปรับสภาพน้ำ 1 กิโลกรัม(10ซอง) นำมาผสมน้ำสาดให้ทั่วบ่อโดยสาดไปที่คันบ่อด้วย แนะนำใช้เรือหางยาวหรือกระทิงรถไถนาลงไปในบ่อ แล้วเดินกวนขี้เลนเน่าๆดำๆให้ได้มาผสมกับจุลินทรีย์ที่อยู่ในบ่อ โดยแนะนำให้วันแรกเดินกวนทั่วบ่อวันละ 5 รอบ เพื่อพลิกเอาดินข้างล่างที่ดำๆขี้นมาผสมทำปฎิกริยากับจุลินทรีย์
จะพบได้ว่าวันแรกดินที่ดำๆเน่าๆเหม็นๆในบ่อ จะเปลี่ยนกลายเป็นสีเทาเหมือนดินที่เผาแล้วเหมือนดินสะอาด ควรกวนพลิกดินต่อเนื่อง 3 วัน โดยพยายามคุ้ยดินให้ลึกที่สุดให้ดินมาทำปฎิกริยากับจุลินทรีย์ โดยสังเกตุเอาไม้ไผ่หรือเหล็กแทงในดินให้ลึกที่สุดและถอนขึ้นมา ถ้าดินข้างล่างยังดำยิ่งเยอะ ก็ต้องพยายามเดินกวนคุ้ยดินให้ลึกไปอีก เพราะหากดินยังดำแสดงว่าข้างล่างยังมีสารอินทรีย์ของเน่าของเสียในดินยังสูง ซึ่งหากเอาน้ำเข้าบ่อจะเกิดการย่อยสลายโดยบ่อยังมีของเสียในดินสูงอยู่ก็จะเกิดปัญหา เพราะกระบวนการนี้จะต้องใช้อ็อกจิเจนในน้ำมาทำให้ขบวนการย่อยสลายของเสียในดินก้นบ่อ ทำให้มีการปลดปล่อยพวกแอมโมเนียกับไนไตร์ทออกมา ซึ่งจะเป็นพิษต่อกุ้ง การเลี้ยงกุ้งหากบ่อน้ำมีการปล่อยให้มีแพลงตอนสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน pH ของน้ำก็จะสูง สารแอมโมเนียในน้ำก็จะมีความเป็นพิษสูงมากขึ้น
แต่หากสามารถทำให้ดินสะอาดได้แล้ว ก็เป็นการควบคุมไม่ให้แพลงตอนเยอะ ค่า pH ในน้ำในบ่อก็จะลดลงมาค่อนข้างต่ำประมาณ 7 ต้นๆ แม้ค่าแอมโมเนียจะสูงถึง 1 ppm ก็ไม่ทำร้ายกุ้ง กุ้งก็จะปลอดภัย แต่หากในน้ำมีค่า pH สูงขึ้นเป็นถึง 8.4-8.5 แล้วแอมโมนียมีค่า 0.3-0.4-0.5 กุ้งก็จะได้รับผลกระทบหรืออาจตายไปได้
เมื่อได้ทำการกวนดินทุกวันจนกระทั้งดินในบ่อสะอาดในระยะเวลา 3 วันแล้ว ให้ปล่อยทิ้งไว้อีก 2 วัน รวมเป็น 5 วัน แล้วจึงเอาน้ำเข้าบ่อระดับ 80-90 ซม.ถ้าเป็นหน้าหนาวก็ให้น้ำสูงขึ้นไป 100ซม.แล้วทำการเปิดเครื่องตีน้ำอีก 2 คืน ครบ 7 วัน ก็สามารถปล่อยลูกกุ้ง ลูกปลาได้เลย โดยอาจจะไม่ต้องให้อาหารกุ้งเป็นอาทิตย์โดยเฉพาะบ่อเก่า เพราะจุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายมีสารอาหารในบ่อมากมายเต็มบ่อ
จากนั้นในเดือนแรกในแต่ละสัปดาห์(สัปดาห์ที่1,2,3,4) ใช้จุลินทรีย์ 250 กรัมต่อไร่/สัปดาห์ โดยวิธีการผสมจุลินทรีย์กับน้ำ 200ลิตร แช่ไว้ตอนเย็น 1 คืน รุ่งเช้าวันถัดไปให้นำสาดหน้าเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำได้พาจุลินทรีย์กระจายไปทั่วบ่อได้อย่างรวดเร็ว ,  เดือนที่สอง(สัปดาห์ที่5,6,7,8) ใช้จุลินทรีย์ 300 กรัมต่อไร่ จากนั้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 9 เป็นต้นไปจนจับขาย ก็ใช้จุลินทรีย์ในอัตรา 350 กรัมต่อไร่ เพราะการเลี้ยงที่นานขึ้นของเสียในบ่อก็ยังมีอยู่
มีข้อแนะนำ หากมีการใช้จุลินทรีย์ตั้งแต่เริ่มเตรียมบ่อ อาจไม่จำเป็นต้องนำผงจุลินทรีย์ผสมในอาหารก็ได้ แต่หากเกษตรกรต้องการใช้ ก็แนะนำให้ใช้ในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยน เช่นฝนตกหรือฟ้าครึ้มติดต่อกันหลายๆวัน โดยการผสมในอาหารได้ ในอัตราอาหาร 1 กิโลกรัม ใช้ผงจุลินทรีย์ 3 กรัม ผสมน้ำเล็กน้อยหรือผสมกับไข่หรือผสมกับพวกน้ำมันปลาหมึกที่มีกลิ่นหอมนำคลุกกับอาหารแล้วผึ่งสักครู่ประมาณ 30 นาทีแล้วจึงนำไปใช้ให้กุ้งกิน และหากเกษตรกรต้องการจะนำผงจุลินทรีย์ผสมกับอาหารให้กุ้งกินทุกมื้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโต แนะนำใช้10กรัมต่ออาหาร20กิโลกรัม โดยใช้ผงจุลินทรีย์ละลายผสมน้ำในขันเล็กน้อยและเทราดคลุกเคล้าพอได้หมาดๆจึงเทลงบ่อให้กุ้งกินทุกมื้อ
**ในกรณีการเลี้ยงกุ้งไปแล้วไม่ได้ใช้จุลินทรีย์มาตั้งแต่เตรียมบ่อแล้วพบว่ามีแพลงตอนพืชกลุ่มสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน( Blue green algae)บูมขึ้นมาอย่างมาก สาหร่ายขนแมว สาหร่ายที่เป็นเม็ดข้าวลอยๆอยู่ที่ผิวหน้าน้ำที่มีพิษ และสามารถปล่อยพิษลงไปในน้ำได้นั้น หรือเป็นแพลงตอนสัตว์ที่มีพิษเช่นน็อกติลูกา อเล็กซานเดรียม จิมโนดิเนียมเหล่านี้ เกษตรกรก็สามารถใช้จุลินทรีย์นี้กำจัดปัญหาได้โดยใช้ในอัตรา 1 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ โดยผสมน้ำตอนเย็นแช่ 1 คืน แช่ในถังหรือในเรือตามสะดวกแล้วรุ่งเช้าวันถัดไปให้นำสาดหน้าเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำได้พาจุลินทรีย์กระจายไปทั่วบ่อ ก็จะสามารถลดปริมาณพวกสาหร่ายที่มีพิษเหล่านี้ได้
**ผลสำเร็จที่นำผงจุลินทรีย์ใช้ในการเลี้ยงกุ้งจะพบว่า
1.ตัวกุ้งจะใสสะอาด มองทะลุตัว บ่งบอกว่ากุ้งแข็งแรงมาก แต่หากกุ้งตัวออกขาวขุ่นๆหรือมีโทนออกสีฟ้า แสดงว่ากุ้งได้รับความเป็นพิษจากสารในน้ำโดยเฉพาะพวกแอมโมเนีย หรือไนไตร์ท จะทำให้กล้ามเนื้อของกุ้งขุ่น
2. ตั้งแต่เริ่มการใช้ผงจุลินทรีย์ จะพบว่าขี้เลนในบ่อจะลดน้อยลงกว่าเดิมไม่ต่ำกว่า 70-80% และอาจถึง 90% เมื่อใช้ผงจุลินทรีย์ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยสังเกตุตอนจับกุ้งแบบเดิม ขี้เลนจะสูงถึงครึ่งหน้าแข้ง แต่หลังการใช้ผงจุลินทรีย์ ขี้เลนจะเหลือแค่ตาตุ่ม และที่สำคัญไม่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งมีหมายความว่าขี้เลนที่ค้างในบ่อนั้นใช้อ็อกซิเจนจากน้ำในบ่อไม่มาก เมื่อเทียบขี้เลนที่เยอะและเน่า ซึ่งเหล่านี้จะดึงอ็อกซิเจนในน้ำสูง
3.การเลี้ยงกุ้งโดยใช้จุลินทรีย์กลุ่มนี้ ตั้งแต่ต้นๆ จะพบว่าค่า DO หรือ ค่าอ็อกซิเจนที่ละลายในน้ำ ช่วงเช้า ช่วงกลางวัน บ่าย2 บ่าย3 บ่าย4 ก่อนพระอาทิตย์จะตก ค่า pH จะไม่เพิ่มสูงเป็น 10,11,12 ค่า pH จะคงอยู่ราวๆ 6 – 7 และในช่วงกลางคืนถ้ามีเครื่องตีน้ำเป็นปกติโดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องตีน้ำเหมือนการเลี้ยงโดยทั่วไป ค่า DO อยู่ที่ 3 – 4 ก็เป็นอัตราที่เพียงพอ
4.จะพบว่าการกินอาหารของกุ้งจะมีความแอคทีฟสูง ฉกอาหารกินได้เร็วมาก โดยเฉพาะช่วงอากาศเปลี่ยนและเมื่อนำผงจุลินทรีย์คลุกผสมไปในอาหารแล้วนั้น  ผงจุลินทรีย์ยังประกอบไปด้วยเอนไซม์ และยังประกอบด้วยสารที่มีประโยชน์มากๆคือตัวท็อคซินคิลเล่อร์จะช่วยนิวเทอไรท์หรือไปลดความเป็นพิษของสารพิษในร่างกายกุ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มของแอมโมเนียที่อยู่ในกระแสเลือดหรือเป็นพวกฮาวีอายที่อยู่ในกระแสเลือด
ในผลิตภัณฑ์ นอกจากมีตัวจุลินทรีย์ มีเอนไซม์ มีท็อกซิลคิลเล่อร์แล้ว ยังมีเอนไซม์โดยเฉพาะกลุ่มโปรติเอสคือกลุ่มย่อยโปรตีนสูงมาก จึงเป็นเหตุผลที่เมื่อนำเอาจุลินทรีย์คลุกลงไปในอาหาร จะช่วยกระตุ้นทำให้กุ้ง มีการสร้างเอนไซม์ในร่างกายที่ไปย่อยอาหารกุ้งซึ่งมีโปรตีนสูงได้ดีขึ้น ซึ่งสังเกตุเห็นได้ที่ตัวตับที่อยู่ช่วงท่อนหัวของกุ้งจะสวยเป็นสีเหลืองอ่อน
กุ้งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ไม่เหมือนคน ไม่เหมือนปลา เพราะกุ้งไม่มีตัวอีมูนที่เป็นธรรมชาติ กุ้งจะใช้เอนไซม์ในร่างกายกุ้งสร้างเป็นตัวภูมิคุ้มกัน ทำให้กุ้งแข็งแรง จะไม่เหมือนคนที่มีเม็ดเลือดขาว
-กรณีพบเชื้อโรคเรืองแสง, แพลงตอนพิษ มากผิดปกติในบ่อ หรือพบแอมโมเนีย ไนไตรท์และก๊าซไข่เน่าสูง ใช้ ผงจุลินทรีย์ชนิดปรับสภาพน้ำ 1 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ ผสมน้ำสาดหน้าเครื่องให้อากาศ ติดต่อกัน 3 วัน
เตรียมพบกับความสำเร็จได้เลย
จึงเป็นเหตุผลที่การที่ใช้จุลินทรีย์ลงไปในน้ำหรือผสมในอาหารสัตว์นั้น จะทำให้ในน้ำมีสารอาหารและมีตัวเอนไซม์โปรติเอสในอัตราที่สูง การเลี้ยงสัตว์น้ำกุ้ง ปลา จะแข็งแรงมาก โตเร็ว เนื้อแน่น ตัวใหญ่ ตัวใส ไร้โรค ไร้แผล ไซต์เสมอ เปลือกหนา อัตราเหลือรอดสูง ลดต้นทุนค่าไฟ ประหยัดการซ่อมหรือซื้ออุปกรณ์ ลดการกังวลใจ ค่า pH เสถียรเช้า-บ่าย น้ำใส ไร้สารพิษจากพืช ลดต้นทุน กำไรต่อหน่วยเพิ่ม เป็นที่ต้องการของตลาดซื้อขายและบริโภค
ข้อแนะนำ
-ไม่ควรเก็บในที่ชื้นหรือร้อนจัด และไม่ควรใช้ร่วมกับยาฆ่าเชื้อ หรือควรใช้หลังจากการใช้ยาฆ่าเชื้อแล้ว ประมาณ 2–3 วัน
-ควรเปิดเครื่องตีน้ำเต็มที่ และ ปริมาณการใช้ผงจุลินทรีย์ อาจจะมากหรือน้อยกว่าอัตราที่แนะนำ ให้พิจารณาจากคุณภาพของน้ำในบ่อ
อัตราและวิธีการใช้กับบ่อเลี้ยงปลาเพื่อการพาณิชย์ เช่นบ่อปลานิล,ปลาหมอ,ปลาสลิด,ปลาดุก,ปลาช่อน,ปลากะพง,บ่อเต่า,บ่อกบ  ฯลฯ
ใช้ผงจุลินทรีย์ปรับสภาพน้ำ บ่อน้ำ 1 ไร่ ใช้ผงจุลินทรีย์ในอัตรา 100-300 กรัม แช่ถังน้ำหมักกับน้ำ 200-500 ลิตร 1 คืน รุ่งเช้าเท หรือนำพ่น หรือนำสาดให้ทั่วบ่อ (ให้ใช้ปริมาณผงจุลินทรีย์เพิ่ม หากพบว่าบ่อน้ำมีปัญหามาก) การใช้ซ้ำ แนะนำใช้เป็นประจำทุก 10-15 ทั้งบ่อน้ำทั่วไป หรือบ่อเลี้ยงปลาจนจับขาย (ผลที่ได้รับ ก๊าชแอมโมเนียจะน้อย ดินโคลนบ่อจะลดลง ปลาจะโตขึ้น กลิ่นปลาจะลดลง ปลาจะว่ายน้ำปราดเปรียว แข็งแรง โรคปลาจะลดลง) อนึ่งบ่อน้ำที่สะอาดปราศจากเชื้อโรค จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ แต่กรณีเลี้ยงปลาดุก ปลาสวาย น้ำไม่จำเป็นต้องใส
อัตราและวิธีการใช้กับบ่อปลาสวยงาม เช่นปลาคราฟท์,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาทอง,ฯลฯ
ใช้ผงจุลินทรีย์ชนิดปรับสภาพน้ำ อัตรา 100 กรัม ต่อปริมาณน้ำ 50 ตัน หรือ 50,000 ลิตร เป็นประจำทุกเดือน (ในกรณีตู้โชว์ปลาสวยงาม ใช้ผงจุลินทรีย์เพียงเล็กน้อย เพียงไม้จิ้มฟันแตะที่ซองแล้วนำจุ่มลงในน้ำตู้ปลาทุก 15-30 วัน ผลที่ได้รับ น้ำจะใสขึ้น ปลาจะว่ายน้ำแข็งแรง ปราดเปรียว สีปลาจะสวยงาม)

อัตราและวิธีการใช้ผงจุลินทรีย์ดับกลิ่นเหม็น
-กำจัดกลิ่นเหม็นจากแหล่งที่เกิดกลิ่น เช่น มูลสัตว์ สิ่งแวดล้อม กองขยะ และ อื่นๆ ใช้ผงจุลินทรีย์ 10กรัม คนละลายกับน้ำ 20ลิตร (กรณีพื้นที่กว้างใหญ่ ใช้ผงจุลินทรีย์ 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 2,000ลิตร) นำฉีดพ่นหรือเทราด กลิ่นเหม็นเน่าจะหายไปได้อย่างรวดเร็ว

หมายเหตุ.
-น้ำในร่องสวน เพื่อใช้ด้านเกษตรรดน้ำต้นพืช แนะนำใช้ผงจุลินทรีย์ 1 กก.ต่อ พื้นที่ร่องน้ำในสวน 1ไร่ โดยแช่น้ำ1คืน วันถัดมานำไปเทลงในร่องโดยนำใส่เรือฉีดพ่นลงน้ำ หากมีการนำน้ำใหม่เข้ามา ให้ใช้ผงจุลินทรีย์ 500 กรัม ต่อ1ไร่ ผลที่ได้ น้ำในร่องจะมีคุณภาพ ไม่มีเชื้อโรค เมื่อนำไปรดต้นพืช ก็ช่วยลดปัญหาการเกิดโรคทำลายพืชได้
-จุลินทรีย์ชีวภาพนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เกษตรกรสามารถติดต่อสอบถามกับผู้เชื่ยวชาญของบริษัทได้ตลอดเวลาทำการ